อาการมดลูกอักเสบ มักพบบ่อยหลังจากคุณแม่คลอดลูกแล้ว อาการที่คุณแม่จะรู้ได้ว่า มดลูกอักเสบ คือ มีอาการปวดท้อง และมีไข้ขึ้นสูง เมื่อคุณแม่หลังคลอดพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพราะอาการที่กล่าวมา เป็นอาการข้างเคียงที่อันตรายสำหรับคุณแม่หลังคลอด เพราะคุณแม่อาจเกิดการติดเชื้อหลังคลอดได้นั่นเองค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการมดลูกอักเสบ มีดังนี้
- มีการติดเชื้อแบคทีเรียจากทางช่องคลอดเข้าไปสู่กล้ามเนื้อตรงมดลูก
- น้ำคร่ำแตกก่อนการปวดท้องคลอด หรือที่เรียกว่าน้ำเดินก่อนคลอด ถ้าน้ำเดินแล้วรอคลอดนานมากกว่าจะคลอด ก็เสี่ยงที่เชื้อโรคจะเข้าไปได้มากค่ะ
- ระหว่างรอคลอด ในช่วงรอคลอดคุณแม่จะต้องตรวจภายใน ยิ่งคุณแม่โดนตรวจภายในบ่อยมากเท่าไร เชื้อโรคก็มีโอกาสเข้าไปได้มากขึ้นค่ะ
- มดลูกฉีกขาด หรือ เย็บแผลฝีเย็บไม่ดีก็อาจทำให้ติดเชื้อได้ค่ะ
- การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น การใช้ที่คีบเพื่อนำตัวเด็กออกมา สำหรับคุณแม่ที่คลอดยากนั่นเองค่ะ
- ความสะอาดระหว่างคลอด ถ้าสถานที่คลอดไม่ปลอดภัยหรือไม่สะอาดพอ อาจทำให้ติดเชื้อได้ค่ะ
- การผ่าคลอด ถ้าคุณแม่มีอาการน้ำเดินแต่ไม่ได้นัดผ่าคลอด จะเสี่ยงเป็น มดลูกอักเสบ มากกว่าคุณแม่ที่นัดคลอดกับคุณหมอถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ค่ะ
- มดลูกอักเสบ เนื่องจากการคลอด เช่น คลอดครรภ์แฝด เด็กเสียชีวิตหลังคลอด
อาการมดลูกอักเสบ มีลักษณะดังนี้
- มีอาการไข้สูงประมาณ 38 องศาเซลเซียส ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
- น้ำคาวปลา มีกลิ่นเหม็น เนื่องจากการติดเชื้อ การสังเกตจากน้ำคาวปลาอย่างเดียวจะทำได้ยากเพราะเชื้อโรคบางตัวสามารถทำให้น้ำคาวปลาไม่มีกลิ่นเหม็น สีเหมือนปกติได้ค่ะ
- ตกขาวมีกลิ่น
- ปวดท้องมากโดยเฉพาะตรงมดลูก โดยที่ไม่ต้องใช้มือกด เป็นอาการปวดหน่วงๆร่วมกับการปวดเกร็ง เป็นระยะ
- อาการมดลูกอักเสบ รุนแรงที่สุดคือคุณแม่เสียชีวิต เนื่องจากเศษของเซลล์เนื้อที่ตายแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดจนเกิดเป็นฟองแก๊สแล้วไปอุดตันตามเส้นเลือด ในปอดและหัวใจ อาการนี้ทำให้คุณแม่เสียชีวิตได้ แต่พบอาการนี้น้อยมากค่ะ
- ถ้ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย แสดงว่าอาการได้ลามไปถึงเยื่อบุช่องท้องแล้ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายได้
การรักษา หากคุณแม่มีอาการมดลูกอักเสบคุณหมอจะรักษาด้วยยาปฏิวีนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ภายใน 48 ชั่วโมง และหลังจากคุณแม่ไข้ลดแล้วจะให้เป็นยากินถ้าอาการดีขึ้นคุณแม่ก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ตามปกติค่ะ